วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

กลเม็ดกับการใช้น้ำหอม

กลเม็ดกับการใช้น้ำหอม

กลเม็ดกับการใช้น้ำหอม
กลเม็ดกับการใช้น้ำหอม

มีคนบางคน หรืออาจจะหลายคนก็ได้ที่มีความจงรักภักดีต่อกลิ่นน้ำหอม ที่เขา หรือเธอใช้อยู่ นั้นถือเป็นความรักใคร่ในน้ำหอมกลิ่นนั้น เพราะน้ำหอมมีส่วนผสมที่ลงตัวกับเคมีสารในผิว ให้ความรู้สึกที่เข้ากับบุคลิกของเรา เป็นน้ำหอมของเราที่ช่วยเน้นให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของความเป็นเรา

โดยทั่วไป คนที่มีกลิ่นประจำตัว หรือน้ำหอมประจำตัว จะมีกลิ่นที่ต้องซื้อประจำติดตั้งสถิตบนโต๊ะเครื่องแป้ง ดุจเป็นสิ่งสักการะแห่งความงามหนึ่งกลิ่น และอาจมีกลิ่นอื่นอีกสักสองสามกลิ่นไว้เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศไม่ให้จำเจ แต่อย่างไรก็ตาม เวลาฉีดน้ำหอม มือก็จะไพล่ไปหากลิ่นประจำเรื่อยไป

แล้วเกิดอะไรขึ้นถ้าจู่ๆน้ำหอมกลิ่นนั้นเกิดขาดตลาด บริษัทเลิกผลิต ไม่มีวางจำหน่ายอีกต่อไป

"มันเหมือนกับโดนสามีทิ้ง" เพื่อนสาวคนหนึ่งบ่น "เป็นอะไรที่แน่มาก เพราะฉันใช้แต่น้ำหอมกลิ่นนี้กลิ่นเดียว แล้วจู่ๆ ก็ไม่มีมาขายเมืองไทย"

ใช่แล้ว เริ่มต้นบทนี้ด้วยการว่าถึงเรื่องการเปลี่ยนกิล่นน้ำหอมประจำตัว

จะทำอย่างไรดีถ้าต้องเปลี่ยนกลิ่น?


จากความคิดเห็นของ Karen Hawksley อย่าเริ่มโดยไม่มีอะไรเป็นบรรทัดฐานเลย จงหาน้ำหอมที่ให้กลิ่นใกล้เคียงกับความรักครั้งเก่า ถามตัวเองว่าน้ำหอมกลิ่นเดิมเป็นน้ำหอมตระกูลกลิ่นอะไร แนวกลิ่นไหน มีส่วนผสมอะไร ในแนวกลิ่นนั้นที่ทำให้คุณติดใจ ฝังใจ เริ่มต้นจากจุดนี้ ไม่ใช่เดินเข้าไปในแผนกน้ำหอม แล้วก็ต้องมนตราของน้ำหอมใหม่ๆ ที่ประโคมฉีดตัวอย่างให้คุณ ดมน้ำหอมกลิ่นใหม่ทุกกลิ่นที่เพิ่งวางตลาด

เริ่มจากหาตระกูลน้ำหอมที่คุณชอบเป็นอันดับแรก แล้วค่อยลองน้ำหอมใหม่ที่อยู่ในตระกูลนั้น เปิดนิตยสารดูรายละเอียดต่างๆของน้ำหอมใหม่ จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ง่าย และดีกว่าฟังพนักงานขาย อย่ารีบร้อย เพราะน้ำหอมก็เหมือนความรัก เพราะบางครั้งอยู่เฉยๆ ความรักก็ลอยมา

ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดก็จากตัวผู้เขียนเองนี่หละ เผอิญเกิดมาโชคดีที่ผิวเข้ากับน้ำหอมได้หลายแนวกลิ่น ฉีดกลิ่นไหนก็หอม และกลิ่นที่เข้ากับผิว ก่อให้เกิดรัศมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์แก่ตัวเองที่สุดคือ Ricci Club ของ Nna Ricci ซึ่งเป็นน้ำหอมแนวกลิ่นอบอุ่น สดชื่น(Floral-Oriental) และโชคดีซ้ำสองที่มีเพื่อนทำงานอยู่ที่บริษัท Nina Ricci ในกรุงปารีส เวลาเดินทางไปทำงานที่นั้นเพื่อนก็จะเหน็บมาให้ แต่ผู้เขียนก็มีน้ำหอมกลิ่นสำรองอีก 2-3กลิ่นไว้ใช้ เวลาอยากจะได้ความรู้สึกใหม่ๆ อย่างเช่นน้ำหอมของ Versace หรือ Salvadore Dali ในขณเดียวกัน ก็มีบ้างที่ Racci Club หมด และยังไม่ได้ไปปารีส ก็จะลองหากลิ่นใหม่ที่มีแนวคล้ายกัน แต่ให้ความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไปมาใช้ อย่างน้ำหอม Element ของ Hugo Boss หรือ Jean-Paul Gaultier

ในที่สุด วันดีคืนดีก็เปลี่ยนงาน ไม่ได้บินไปปารีสเหมือนแต่ก่อนคงเหลือแค่ Gaultier ที่มีขายในประเทศไทย แต่กลิ่นก็หวานเกินไปนิด

เพื่อนคนหนึ่งกลับมาจากอเมริกา รู้เรื่องเข้าก็แนะว่ามีน้ำหอมกลิ่นหนึ่งเป็นน้ำหอมที่ออกจะคลาสสิก แต่น่าเหมาะกับผู้เขียน นั้นคือ Platinum Egoiste ของ Chanel ก็เลยวิ่งไปลองพิสูจน์กลิ่น และค้นพบว่านี้คือความรู้สึกเดิมในรูปลักษณ์ใหม่ที่แสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น