วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ส่วนผสมสำคัญของน้ำหอม

ส่วนผสมสำคัญของน้ำหอม

ธรรมเนียมการสร้างสรรค์น้ำหอมสักกลิ่นเวลาเพอร์ฟูมเมอร์ทั้งหลายต้องการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติล้วนๆ พวกเขาจะเสาะแสวงไปทั่วไม่เฉพาะในเขตยุโรป ภูมิประเทศเขตอบอุ่นไปจนถึงเขตร้อนอย่างมอรอคโค, แคว้นซิซิลี, อินเดีย, บราซิล และออสเตรเลีย ได้กลายเป็นดินแดนสำคัญในการผลิตน้ำหอม หรือน้ำมันหอมจากมะลิ, มะนาว, ดอกส้ม, น้ำหอม neroli อันได้จากดอกส้ม, มะกรูด, และไม้จันทน์ ในขณะที่รัสเซีย, บัลแกเรีย และตุรกี จะมีกุหลาบดามาสค์ซึ่งให้กลิ่นหอมอุ่น นุ่มนวลเหมือนแป้ง ลุ่มลึกดุจกำมะหยี่ อย่างไรก็ตาม จะเป็นส่วนผสมชนิดใดย่อมล้วนแต่มีปริมาณจำกัดเสมือนทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ อาจต้องใช้มะลิประมาณ 6-7ล้านดอกเพื่อกลั่นให้ได้น้ำหอมมะลิประมาณหนึ่งกิโลกรัม

และส่วนผสมางอย่างเช่นออร์ริส ซึ่งสกัดได้จากรากของต้นไอริส(ว่ากันว่าราก หรือหัวไอริสสดหนักหนึ่งตันต้องทำให้แห้งสนิทและจะเหลือน้ำหนักเพียง 200กิโลกรัม ผ่านการบดสกัด essence หรือหัวน้ำหอมโดยผ่านกระบวนกลั่นด้วยไอน้ำ จากน้ำหนัก 500กิโลกรัมของหัวไอริสแห้งจะได้หัวน้ำหอมเพียง 1.5กิโลกรัมเท่านั้น
และหัวน้ำหอม1 กิโลกรัม สกัดเป็นไอโรนบริสุทธิ์ได้เพียงแค่ 100กรัม)

ต่อมชะมด (แน่นอนที่ต้องทำฟาร์มชะมด หรือไม่ก็ไปไล่ล่าหาในป่าลึก) ไขปลาวาฬ(อันนี้คงต้องลงทะเลไปไล่จับ นึกภาพเอาเองว่าจะยากขนาดไหน) และซ่อนกลิ่นนั้น มีราคาแพงเยี่ยงทอง เนื่องจากวัตถุดิบเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดหัวน้ำหอม หรือน้ำมันหอมได้เพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังเป็นของหายากอีกต่างหาก

ความแตกต่างทางอุณหภูมิ สภาพอากาศ สงคราม สภาพเศรษฐกิจอันสืบเนื่องมาจากการเมือง มหันตภัยธรรมชาติ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ อันส่งผลกระทบต่อราคาน้ำหอม ภาวะข้าวยากหมากแพงในกลุ่มประเทศตะวันออกทำให้ชนชั้นแรงงานหันกันไปปลูกข้าวมากกว่าจะปลูกแพ็ทชูลีหรือพรรณพฤกษ์หอมอื่นๆ พลเมืองอพยพ แรงงานต่างด้าวที่ผันเปลี่ยนทำให้แรงงานสำหรับการเก็บเกี่ยวนั้นเป็นไปไม่สม่ำเสมอ

น้ำหอมกลิ่นทรงพลังเปี่ยมคุณภาพนั้น บังเกิดมาจากการจัดสรรสมดุลอย่างระมัดระวังของสารหอมสำคัญอันเลอค่าจากมวลดอกไม้ เรซินชนิดต่างๆ เครื่องเทศอำพันหลากประเภท และอื่นๆ ฉะนั้นถ้ามีส่วนผสมอะไรสักอย่างขาดตลาด หรือหาไม่ได้ ไม่เพียงพอต่ออัตราส่วนสูตรผสม การผลิตน้ำหอมให้ได้ตามเป้าอาจจะในแง่คุณสมบัติ หรือปริมาณย่อมขาดตอนการผลิตต้องหยุดชะงักจนกว่าจะมีวัตถุดิบนั้นๆ
น้ำหอม Guerlain nahema
น้ำหอม Guerlain nahema วางจำหน่ายในปี ค.ศ.1979 ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก แคทเธอรีน เดอเอฟ (Catherine Deneuve) กลิ่นหอมเป็นการสอดผสานของเมย์โรสกับกุหลาบดามาสค์ ส่งผลให้ราคาน้ำหอมขึ้นๆลงๆตลอดทุกปีเพราะเป็นผลกระทบจากดอกไม้เหล่านี้ น้ำหอม Joy ของฌอง ปาตู ผลิตมาจากมะลิบริสุทธิ์ และเมย์โรสจากเมืองกราสส์ ซึ่งมีจำนวนจำกัดทั้งสองชนิด เพราะดอกไม้เหล่านี้ทำการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวได้เพียงปีละหนึ่งครั้ง จึงทำให้การผลิต Joy เป็นไปในจำนวนจำกัด ชาแนลเองก็คำนึงถึงปัญหาที่ทั้งสองบริษัทนี้เผชิญ จึงได้ทำสัญญาและทำการลงทุนระยะยาวในการเพาะปลูก เก็บเกี่ยว รวมถึงซื้อส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงไว้ตลอดเพื่อไม่ทำให้ผลผลิตของบริษัทขาดตอนสามารถคงคุณภาพไว้ดังเดิมได้ตลอดเวลา

แน่นอน บริษัทผลิตน้ำหอมใช่ว่าจะคำนึงถึงจรรยาบรรณไปเสียทุกแห่งในแง่ของการใช้ส่วนผสม บางครั้งก็จำเป็นต้องลดต้นทุนการผลิตโดยใช้ส่วนผสมที่มีคุณสมบัติรองลงมา ไม่ใช่ของดีที่สุดเสมอไป อย่างมะลิจากเมืองกลาสส์ ก็กลายเป็นมะลิมอร็อคโค น้ำมันดอกไม้หอมธรรมชาติกลายเป็นสารสังเคราะห์ เคมีภัณฑ์ราคาย่อมเยากว่าเพื่อให้ได้กลิ่นหอมแนวเดียวกัน

หากคุณภาพความเข้มข้นนั้นอ่อนด้อย สภาพเสถียรของกลิ่นไม่คงที่ ปัจจัยสืบเนื่องจากภูมิอากาศ สภาพความเป็นกรดในเนื้อดินที่ใช้เพาะปลูก ความเข้มของแสงแดดที่ส่องต้องกลีบดอกไม้ และอื่นๆทำให้ดอกไม้อย่างเดียวกันที่ปลูกในต่างถิ่นมีกลิ่นหอมต่างกัน

และการตัดสินใจโดยอิงเกณฑ์ทางธุรกิจส่งผลให้ผู้บริหารต้องมองข้ามในเรื่องนี้เพื่อลดต้นทุนการผลิต หรือเพื่อคงปริมาณผลิตภัณฑ์ที่จะผลิตออกสู่ท้องตลาด การซื้อบริษัทอื่นมาปรับผังโครงสร้างใหม่ มักเป็นตัวโยงไปสู่การลดคุณภาพการผลิตเพื่อช่วยลดต้นทุน ซึ่งผลที่ได้ก็คือผลิตภัณฑ์ที่แย่ โชคดีที่ในทศวรรษ 70 บริษัทที่ถูกกว้านซื้อได้ถูกลดระดับลง และได้รับการฟื้นฟูใหม่ในทศวรรษที่ 80 ให้กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ขึ้น และดีขึ้นภายใต้จุดมุ่งหมายจะสร้างสรรค์น้ำหอมที่คงคุณภาพดีเทียบเท่าอดีตอันเรืองรอง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือน้ำหอม Arpege ของลองแวง กับ Fracas ของ โรแบรต์ ปิเกต์ ที่กำลังกลับมารุ่งอีกครั้ง ส่วนผสมราคาแพงยอดนิยมในการผลิตน้ำหอมมักจะเป็นส่วนผสมสำหรับน้ำหอมตระกูลดอกไม้อันได้แก่

1.กุหลาบ
2.มะลิ
3.ไวโอเล็ต
4.เนโรลิ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น